เขียนปัจจัยภายนอกที่เป็น โอกาส (O) ที่สำคัญที่สุดของบริษัท หรือ หน่วยธุรกิจ 2. เขียนปัจจัยภายนอกที่เป็น อุปสรรค (T) ที่สำคัญที่สุดของบริษัท หรือ หน่วยธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันหรืออนาคต 3. เขียนปัจจัยภายในที่เป็น จุดแข็ง (S) ที่สำคัญที่สุดของบริษัท หรือ หน่วยธุรกิจ 4. เขียนปัจจัยภายในที่เป็น จุดอ่อน (W) ที่สำคัญที่สุดของบริษัท หรือ หน่วยธุรกิจ 5. จับคู่ จุดแข็งภายใน (S) กับ โอกาสภายนอก (O) เพื่อรวมตัวเป็น กลยุทธ์ SO 6. จับคู่ จุดอ่อนภายใน (w) กับ โอกาสภายนอก (O) เพื่อรวมตัวเป็น กลยุทธ์ wO 7. จับคู่ จุดแข็งภายใน (S) กับ อุปสรรค (T) เพื่อรวมตัวเป็น กลยุทธ์ ST 8. จับคู่ จุดอ่อนภายใน (W) กับ อุปสรรค (T) เพื่อรวมตัวเป็น กลยุทธ์ WT หลังจากที่มีการประเมินสภาพแวดล้อมโดยการวิเคราะห์ให้เห็นถึงจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และข้อจำกัดแล้ว ก็จะนำมาข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบแมตริกซ์โดยใช้ตารางที่เรียกว่า TOWS Matrix เป็นตารางการวิเคราะห์ที่นำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และข้อจำกัด มาวิเคราะห์เพื่อกำหนดออกมาเป็นยุทธศาสตร์หรือกยุทธ์ประเภทต่าง ๆ ในการนำเทคนิคที่เรียกว่า TOWS Matrix มาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์นั้น จะมีขั้นตอนการดำเนินการที่สำคัญ 2 ขั้นตอน ดังนี้ 1.
กลยุทธ์เชิงรุก (SO Strategy) มาจาก จุดแข็ง + โอกาส (Strength + Opportunity) Maxi-Maxi Strategy เป็นการเอาจุดแข็งขององค์กรมาใช้ในเกิดประโยชน์สูงสุดกับโอกาสที่ได้รับจากภายนอก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในตอนนี้ กับบริษัท Tesla ที่มีจุดแข็งอย่างเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ ที่มาพร้อมโอกาสในช่วงที่เทรนด์สิ่งแวดล้อม หลายประเทศกำลังเลิกใช้รถน้ำมัน (ICE Car) หันไปใช้รถไฟฟ้า (EV car) แทน กลยุทธ์ที่เทสล่าใช้ก็คือกลยุทธ์เชิงรุก ขยายกำลังผลิต เปิดโรงงานเพิ่มในหลายๆ ประเทศ นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้วยังมีประเทศจีน เยอรมัน และในอาเซียนอาจมาเปิดที่อินโดนีเซียหรือประเทศไทยในอนาคต 2. กลยุทธ์เชิงรับ (ST Strategy) มาจาก จุดแข็ง + อุปสรรค (Strength + Threats) Maxi-Mini strategy เป็นการเอาจุดแข็งขององค์กรมาหลีกเลี่ยงหรือลดผลกระทบที่เกิดจากอุปสรรคที่ได้รับจากภายนอก ตัวอย่างเช่น ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทที่มีฐานะการเงินที่ดี ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ยังสามารถลดราคาเพื่อแข่งขันในตลาดได้ หรือพยุงอยู่ได้จนเศรษฐกิจฟื้นตัว 3. กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO Strategy) มาจาก จุดอ่อน + โอกาส (Weakness + Opportunity) Mini-Maxi strategy ในขณะที่บริษัทเรามีจุดอ่อนหรือเรียกว่าแผล บาดเจ็บ แต่มีโอกาสหรือสภาวะแวดล้อมที่ดีเข้ามามากมาย กลยุทธ์เชิงแก้ไขโดยเราลดหรือแก้ไขจุดอ่อนเราอย่างไรหรือทำให้ปัญหาน้อยที่สุดเพื่อรับผลประโยชน์จากโอกาสที่เข้ามา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือถ้าบริษัทเรามีปัญหาด้านการเงิน ฐานะการเงินที่ย่ำแย่ แต่ตลาดโตอย่างมากหรือได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐบาล เป็นโอกาสอันดีที่กู้เงินเพิ่มหรือเพิ่มทุนเพื่อขยายกำลังผลิตหรือสาขา แต่เราก็ไม่ควรละเลยในการจัดการการบริหารทางการเงินที่เป็นต้นเหตุให้สถานะทางการเงินของบริษัทย่ำแย่ 4.
จุดแข็ง (Strengths) หมายถึง ข้อได้เปรียบของบริษัทหนือคู่แข่งขันที่บริษัทสามารถนำมาใช้ในการดำเนินงาน เช่น - ความได้เปรียบด้านต้นทุน - คุณภาพด้านผลิตภัณฑ์ดีกว่าคู่แข่ง - การบริหารบุคลากรที่ดี - รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ลอกเลียนแบบได้ยาก - มีชื่อเสียงดี - พนักงานซื่อสัตย์และจงรักภักดี ฯลฯ 2. จุดอ่อน (Weaknesses) หมายถึง สิ่งที่บริษัทยังขาดหรือมีแต่ด้อยกว่าของคู่แข่งขันหรืออยู่ ในสภาพที่เสียเปรียบ อันเป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น - การขาดทรัพยากรด้านการเงิน - ส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า - การขาดประสบการณ์ด้านการบริหารในอุตสาหกรรมนั้น - ชื่อเสียงไม่มี เพราะเป็นบริษัทใหม่ - โครงสร้างขององค์การใหญ่ และเชี่ยงช้าเกินไป - ผู้บริหารไม่มีวิสัยทัศน์ - การวิจัยและพัฒนา (R & D) ยังล้าหลัง ฯลฯ 3. โอกาส (Opportunities) หมายถึง ปัจจัยหรือสถานการณ์ภายนอก ที่มีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถใช้ความพยายามเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ หรือมากกว่าที่มุ่งหวังไว้อย่างมาก โอกาสของบริษัทที่เป็นไปได้ เช่น - การเพิ่มบริการให้กับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น - การขยายสายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่มีขอบเขตกว้างขึ้น - การเพิ่มบริการให้กับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น หรือการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ - การนำความรู้ความชำนาญ หรือความรู้ด้านเทคโนโลยีของบริษัทมาใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ฯลฯ 4.
overtakeone: TOW'S Matrix - SWOT Analysis และTOWS ต่างกันอย่างไร
กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST) จับคู่ระหว่าง Strength และ Threat (ใช้จุดแข็งรับมืออุปสรรค) เป็นการเอาจุดแข็งของธุรกิจแฟรนไชส์มาปรับใช้ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากอุปสรรคที่ได้รับจากภายนอก เช่น ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี หรือเกิดวิกฤติโควิด-19 ธุรกิจแฟรนไชส์เป็นธุรกิจเดียวที่สามารถพยุงเศรษฐกิจต่อไปได้ เนื่องจากแฟรนไชส์มักเติบโตในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เพราะคนว่างงาน คนตกงาน อยากมีอาชีและรายได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการแฟรนไชส์จึงต้องใช้ช่วงเวลานี้พัฒนาธุรกิจ พัฒนาบุคลากร สร้างทีมงานให้แข็งแกร่ง รองรับความต้องการลงทุนแฟรนไชส์ที่จะมีเพิ่มขึ้น 4.
คอลัมน์ 2 (น้ำหนัก) พิจารณา ให้น้ำหนักความสำคัญใหม่ ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก มากน้อย โดยกำหนดเป็นตัวเลขทศนิยมซึ่งมีค่าระหว่าง 1. 0 (สำคัญมากที่สุด) จนถึง 0. 0 (ไม่สำคัญ) ผลรวมทั้งหมดจะเท่ากับ 1. 0 ดังนั้นปัจจัยเชิงกลยุทธ์ที่ได้ให้ไว้ในตาราง EFAS และตาราง IFAS บางทีอาจจะต้องปรับใหม่บางตัว 3. คอลัมน์ 3 (คะแนนประเมิน) ใส่คะแนนประเมินของแต่ละปัจจัย โดยพิจารณาว่าฝ่ายจัดการของบริษัทจะตอบสนองต่อปัจจัยนั้นได้อย่างไร คะแนนประเมินนี้อาจเท่าเดิมหรืออาจเปลี่ยนแปลงบ้าง 4. คอลัมน์ 4 (คะแนนถ่วงน้ำหนัก) คำนวณหาค่าคะแนนถ่วงน้ำหนักเช่นเดียวกับที่ทำกับตาราง EFAS และ IFAS 5. คอลัมน์ 5 ( ช่วงระยะเวลา) ช่วงระยะเวลาดังนี้คือ ระยะสั้น (น้อยกว่า 1 ปี) ระยะกลาว (1-3 ปี)หรือระยะยาว (3 ปี ขึ้นไป) ตารางด้านล่างเป็นกรณีศึกษา การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก ของ บริษัท เอ็กซ่า ซีแลม จำกัด ที่ได้วิเคราะห็มาแล้วในบทที่ 3-4 การวิเคราะห์ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก (Internal and External Factors) ถ่วงน้ำหนัก (Weight) คะแนน (Rating) คะแนนถ่วงน้ำหนัก (Weight Score) ช่วง เวลาสั้น ช่วง เวลากลาง ช่วง เวลายาว ข้อคิดเห็น (Comments) S2.
เทคนิคการกำหนดกลยุทธ์จาก TOWS MATRIX - YouTube
กลยุทธ์เชิงรุก (SO) จับคู่ระหว่าง Strength และ Opportunity (ใช้จุดแข็งร่วมกับโอกาส) เป็นการเอาจุดแข็งของธุรกิจแฟรนไชส์มาใช้ในเกิดประโยชน์สูงสุด กับโอกาสที่ได้รับจากภายนอก เช่น ในช่วงการระบาดโควิด-19 หลายๆ ธุรกิจได้รับผลกระทบจากวิกฤติ แต่ธุรกิจแฟรนไชส์ยังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากมีคนตกงาน คนว่างงานจำนวนมาก ซึ่งคนเหล่านี้อยากมีอาชีพ อยากมีรายได้ จึงใช้ธุรกิจแฟรนไชส์เริ่มต้นธุรกิจ เนื่องจากความเสี่ยงต่ำ เป็นทางลัดในการดำเนินธุรกิจ เพียงแค่ทำตามระบบที่เจ้าของแฟรนไชส์กำหนดไว้ บวกกับความตั้งใจก็ประสบความสำเร็จได้เร็ว ขณะที่ธุรกิจแฟรนไชส์ก็ขยายสาขาได้เร็วขึ้น โดยใช้เงินลงทุนของผู้ซื้อแฟรนไชส์ 2. กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO) จับคู่ระหว่าง Weakness และ Opportunity (ใช้โอกาสลดจุดอ่อน) จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารต่างๆ ลูกค้าไม่สามารรถนั่งรับประทานในร้านได้ เมื่อต้องปิดหน้าร้านยิ่งเสียโอกาสสร้างรายได้ แต่ด้วยกระแสบริการ Food Delivery ที่มาแรง โดยเฉพาะช่วงโควิดที่คนต้องกักตัวอยู่บ้าน ทำให้แฟรนไชส์ร้านอาหารสามารถปิดจุดอ่อนได้ ด้วยการหันไปขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และเดลิเวอรี่ 3.
ประสิทธิภาพในการบริหารที่ดีที่สุดไม่ว่าจะสำหรับการปฏิบัติงานใด ๆ นั่นก็คือจะต้องมีการประเมินและวิเคราะห์ควบคุมอย่างเป็นแบบแผน โดย TOWS Matrix เป็นศัพท์เฉพาะทางธุรกิจ ที่มีความหมายถึง เทคนิคเชิงวิเคราะห์สำหรับการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งอาจมีความคล้ายคลึงกับ การวิเคราะห์แบบ Swot ที่เป็นกลยุทธ์การบริหารแบบพึ่งพาเครื่องมือ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินสภาวะแวดล้อม โดยทั้งสองอย่างนี้จะมีความแตกต่างกันอย่างไร สรุปแล้ว TOWS Matrix นั้นคืออะไรกันแน่ เรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า TOWS Matrix คือ?
24 ก. ย. 2561 เวลา 12:50 น. 5.
บอล วัน นี้, 2024 | Sitemap