สรรพคุณ ของ ผักโขม ช่วยบำรุงกำลังทำให้มีสุขภาพแข็งแรง มีส่วน ช่วยบำรุงกระดูก และฟันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน ช่วยแก้อาการแน่นท้อง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้สะดวก เพราะมีเส้นใยสูง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร ผักโขมเป็นผักสุขภาพชั้นยอด ในใบผักโขมเป็นแหล่งวิตามินเอ วิตามินซี กรดแอมิโน และสารอาหารอื่น ๆ เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง นอกจากนั้น ในผักโขมยังมี เบต้าแคโรทีนสูง มีสารซาโปนินที่ช่วยลดคอลเลสเทอรอลในเลือดอีกด้วย ผักโขมยังมีเส้นใยอาหารมาก จึงช่วยระบบขับถ่าย และลดความเสี่ยง การเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ชื่อวิทยาศาสตร์ AmaranthusLividusLinn. ชื่อสามัญ Chineses spinach วงศ์ Amaranthaceae ชื่ออื่นๆ ผักโขม(กลาง), ผักโหม, ผักหม(ใต้), ผักโหมเกลี้ยง(แม่ฮ่องสอน), กระเหม่อลอเตอ (กระเหรี่ยง, แม่ฮ่องสอน) ลักษณะ ผักโขมเป็นพืชล้มลุกปีเดียวลำต้นสีเขียวตรงแตกกิ่งก้านสาขามากใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่คล้ายสามเหลี่ยม ใบออกแบบสลัลกว้าง 2. 5-8 ซม. ยาว 3. 5-12 ซม.
ชื่อวงศ์: ZINGIBERACEAE ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera elatior (Jack) R. ชื่อพ้อง: Nicolaia elatior (Jack) R. ชื่อสามัญ: Torch ginger ชื่อพื้นเมืองอื่น: กาหลา, ดาหลา (กรุงเทพฯ); กะลา (นครศรีธรรมราช) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก (ExH) สูงประมาณ 5 เมตร มีลำต้นใต้ดินเป็นเหง้าหัว ลำต้นเหนือพื้นดินเป็นกาบหุ้มรอบกันแน่น ทรงกระบอก แข็ง ใบ เป็นใบเดี่ยว ลักษณะใบรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ปลายใบแหลม ใบกว้าง 20 ซม. ยาวประมาณ 50 ซม. สีเขียวเข้มและมัน ดอก ออกเป็นช่อเดี่ยวที่ปลายก้านซึ่งแทงขึ้นมาจากเหง้าใต้ดิน ก้านช่อดอกเป็นปล้องยาวประมาณ 1. 5 เมตร ดอกสีแดงอมชมพู หรือสีขาว กลีบดอกหนาเรียบเป็นมัน ซ้อนกันหลายชั้น โคนกลีบดอกเรียบเป็นมันสีแดง ปลายกลีบสีขาว กลีบนอกใหญ่ กลีบในเล็ก และลดขนาดลงเรื่อยๆ จนถึงวงชั้นใน ปลายกลีบแบะออกมีจะงอยแหลม ออกดอกตลอดปี มีมากช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม ผล รูปกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-2. 5 ซม.
3 คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 4. 2 โปรตีนร้อยละ 5. 7 ไขมันร้อยละ 0. 4 กากใยอาหารร้อยละ 1. 9 แคลเซียม 199. 4 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 217. 2 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 11. 4 มิลลิกรัม วิตามินซี 164. 7 มิลลิกรัม และ วิตามินเอ 0.
1 กรัม น้ำตาล 2. 5 กรัม เส้นใย 1. 6 กรัม ไขมัน 0. 1 กรัม โปรตีน 0. 6 กรัม วิตามินบี 1 0. 02 มิลลิกรัม 2% วิตามินบี 2 0. 02 มิลลิกรัม 2% วิตามินบี 3 0. 2 มิลลิกรัม 1% วิตามินบี 5 0. 138 มิลลิกรัม 3% วิตามินบี 6 0. 046 มิลลิกรัม 4% วิตามินบี 9 28 ไมโครกรัม 7% วิตามินซี 22 มิลลิกรัม 27% ธาตุแคลเซียม 27 มิลลิกรัม 3% ธาตุเหล็ก 0. 4 มิลลิกรัม 3% ธาตุแมกนีเซียม 16 มิลลิกรัม 5% ธาตุแมงกานีส 0. 038 มิลลิกรัม 2% ธาตุฟอสฟอรัส 23 มิลลิกรัม 3% ธาตุโพแทสเซียม 227 มิลลิกรัม 5% ธาตุโซเดียม 21 มิลลิกรัม 1% ธาตุสังกะสี 0. 15 มิลลิกรัม 2%% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก: USDA Nutrient database) แหล่งอ้างอิง: วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย, ขวัญเรือนฉบับที่ 888, นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 41 เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ( Medthai) เรื่องที่น่าสนใจ
3%, คาร์โบไฮเดรตรวม 4. 2%, โปรตีน 5. 7%, ไขมัน 0. 4%, ใยอาหาร 1. 9% และยังมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม 199. 4 มก., โพแทสเซียม 217. 2 มก., ฟอสฟอรัส 39. 0 มก., เหล็ก 11. 4 มก. วิตามินซี 164. 7 มก. (กินสดๆ) และวิตามินเอ 0. 085 มก.
x50 ซม.
ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การดื่มน้ำหัวไชเท้าเพียงครึ่งแก้ว หรือทานเป็นอาหารว่างจะทำให้เราได้รับวิตามินซีมากเกือบ 15% ของปริมาณที่ควรรับประทานต่อวัน การทานแบบนี้เป็นประจำจะช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เราจะได้รับสารแอนติออกซิแดนท์ antioxidants และอาจช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาวได้ ซึ่งมีความสำคัญมากในการต่อสู้กับโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคหวัดธรรมดาหรือโรคมะเร็ง! 6. ป้องกันโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ วิตามินซีไม่เพียงเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการสร้างคอลลาเจน collagen ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นในการสร้างความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือด ทำให้ลดโอกาสที่จะเป็นโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ 7. รักษาอาการแมลงสัตว์กัดต่อย หัวไชเท้ามีสรรพคุณบรรเทาอาการคัน จึงสามารถใช้บรรเทาอาการแมลงกัดต่อยและผึ้งต่อย นอกจากนี้น้ำหัวไชเท้าสามารถลดอาการเจ็บ ปวด บวม ในบริเวณที่โดนกัดต่อยและบริเวณใกล้เคียงได้ 8. ล้างสารพิษในระบบเลือด หัวไชเท้ามีประโยชน์มากสำหรับตับและกระเพาะอาหาร นอกจากนี้มันยังเป็นตัวดีท็อกซ์ช่วยให้เลือดบริสุทธิ์ ขจัดสารพิษและของเสียออกไป 9. รักษาโรคดีซ่าน หัวไชเท้ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการรักษาโรคดีซ่าน เพราะหัวไชเท้าจะลดระดับของ Bilirubin และช่วยให้สารผลิตภัณฑ์ของ Bilirubin อยู่ในระดับที่ปกติอีกด้วย นอกจากนี้หัวไชเท้ายังช่วยลดการทำลายของเม็ดเลือดแดงซึ่งทำให้ผู้ป่วยดีซ่านต้องทรมานด้วยการเพิ่มออกซิเจนที่บริสุทธิ์ให้แก่เลือด 10.
" เพื่อสุขภาพ" ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡ ผักคะน้าเม็กซิโก สรรพคุณ 10 อย่าง ที่ทำให้ต้องตามหามาลองกิน! ถ้าพูดถึง ผักคะน้าเม็กซิโก หลายคนอาจจะทำหน้างงว่ามันคือผักอะไร? แต่ถ้าบอกว่ามันคือผักไชยาแล้วหล่ะก็ คนไทยจะต้องร้องอ๋อแน่นอน ผักไชยาที่คนนิยมนำมาปรุงอาหารเพราะให้รสชาติที่อร่อย และใช้เป็นสารเติมแต่งทั้งอาหารเครื่องดื่มให้มีรสชาติดียิ่งขึ้น แถมยังมีประโยชน์ดีๆ หลายอย่างต่อร่างกาย จนเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารที่นิยมกินกันทั่วโลก ซึ่งผักคะน้าเม็กซิโก สรรพคุณนั้นจะมีอะไรบ้าง เรามีรายละเอียดมาฝากทุกคนกัน ที่ต้องบอกเลยว่าสรรพคุณนั้นดีจนต้องไปหามาลองกิน! ผักคะน้าเม็กซิโก สรรพคุณดีๆ 10 อย่างที่ต้องรู้!
แก้ไข้หวัด หัวไชเท้าอุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายและช่วยเสริมสร้างร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรค มีการนำหัวไชเท้ามาปรุงเป็นยารักษาไข้หวัดได้ผลดี 2. ช่วยเผาผลาญพลังงาน หัวไชเท้ามีเอนไซม์ เช่น อะมัยเลส Amylase เอสเทอร์เรส Esterase ไดแอสเทส Diastase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สามารถกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยในกระบวนการย่อยอาหารโดยเฉพาะแป้งและไขมัน นอกจากนี้หัวไช้เท้ายังสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและบำรุงผิวพรรณอีกด้วย 3. ฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณ มีวิตามินซี ฟอสฟอรัส สังกะสี และวิตามินบีบางชนิดในหัวไชเท้า เป็นประโยชน์กับผิวพรรณเป็นอย่างมาก น้ำจากหัวไชเท้าช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น หัวไชเท้าที่สับหรือบดจนละเอียดมีสรรพคุณด้านการฆ่าเชื้อ สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดผิวอย่างสะอาดหมดจด นอกจากนี้หัวไชเท้ายังช่วยรักษาผิวที่แห้ง เป็นผื่น เป็นฝ้ากระได้อีกด้วย 4. ช่วยลดน้ำหนัก ส่วนประกอบของหัวไชเท้ามีคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำ มีน้ำมาก ทำให้เราอิ่มโดยไม่ทำให้ระดับแคลลอรี่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีใยอาหารมากทานแล้วอิ่มง่าย และทำให้ขับถ่ายได้สะดวก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานในร่างกายอีกด้วย ดังนั้นหัวไชเท้าจึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก 5.
ขอขอบคุณรูปภาพจาก ักโขม
บอล วัน นี้, 2024 | Sitemap