เลือกอย่างไรดี? 1.
เครื่องอบผ้าแบบลมร้อน คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไรกันบ้าง!? เครื่องอบผ้า... เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยทำให้เสื้อผ้าหลังการซักเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยหนึ่งในระบบของเครื่องอบผ้าที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ เครื่องอบผ้าแบบลมร้อนนั่นเอง ซึ่งเครื่องอบผ้าแบบลมร้อนจะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรและมีวิธีการใช้อย่างไรเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันได้เลย เครื่องอบผ้าแบบลมร้อน มีจุดเด่นและหลักการทำงานอย่างไร!? เครื่องอบผ้าแบบลมร้อน เป็นเครื่องอบผ้าที่มีราคาค่อนข้างประหยัด และยังใช้เวลาในการอบผ้าที่สั้นกว่าแบบอื่น ผ้าแห้งสนิทมากกว่า ด้วยหลักการเป่าลมร้อนใส่เนื้อผ้าโดยตรง และทำการระบายลมร้อนเหล่านั้นออกไปทางท่อ ทำให้จำเป็นต้องมีพื้นที่ที่กว้างขวางเพียงพอนั่นเอง เลือกเครื่องอบผ้าแบบลมร้อนอย่างไรให้โดนใจ และคุ้มค่าในระยะยาว 1. เลือกเครื่องอบผ้าแบบลมร้อนที่มีขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนเสื้อผ้า การคำนวณความจุของเครื่องอบผ้าแบบลมร้อนให้เหมาะสมกับจำนวนของสมาชิกในครอบครัว เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้อบเสื้อผ้าได้ในจำนวนที่เหมาะสมแล้ว ยังช่วยประหยัดพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกในการย้ายเสื้อผ้าจากเครื่องซักผ้ามายังเครื่องเครื่องอบผ้าแบบลมร้อนได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เพราะสามารถวางเอาไว้ใกล้กันได้นั่นเอง 2.
ลดฝุ่นและขุยผ้า ไม่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ รู้หรือเปล่า? หนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ มักมาจากการที่เสื้อผ้าของเรา มีฝุ่นขนาดเล็กที่มองไม่เห็น รวมถึงขุยผ้าที่เกิดจากการซักผ้า ติดมาด้วย เมื่อเราสูดดมเข้าไปบ่อยๆ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิแพ้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น การอบผ้า จึงช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคภูมิแพ้ได้ ไม่ทำให้เสื้อของคุณหมองคล้ำ หรือมีสิ่งสกปรกติดอยู่บนเนื้อผ้า ยิ่งในสมัยนี้ เครื่องอบผ้าของ WashXpress มีเทคโนโลยีอันล้ำสมัย มีแผ่นกรองขุยผ้าและระบบเป่าลมร้อน จึงทำให้เสื้อของเราไม่มีฝุ่นติดมาแน่นอน คอนเฟิร์ม! 3. เสื้อหอมและนุ่มฟู ถนอมผ้าให้สวมใส่ได้นานๆ ถ้าเราตากผ้าแบบปกติ จะเห็นได้ว่าเสื้อของเรานั้น มักจะมีรอยย่น แห้งกรอบ และไม่หอมนุ่มฟู ต่างกับการอบผ้าที่ช่วยถนอมและรักษาเสื้อผ้าของเราได้มากกว่า นั่นเป็นเพราะว่า การตากแดดแบบปกตินั้น จะทำให้เสื้อของเรา เผชิญกับความร้อนของแดดโดยตรง จึงทำให้แดดทำลายเนื้อผ้าของเรา ยิ่งถ้าตากผ้านานเป็นวันๆแล้วล่ะก็ เนื้อผ้าขาดหลุดรุ่ยง่าย ทำให้ต้องเสียเงินซื้อใหม่อีก ลองอบผ้าที่ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ WashXpress สิคะ คุณจะได้เสื้อผ้าที่ทั้งหอมและนุ่มฟู หอมสะอาดเหมือนใหม่ สวมใส่ได้นานเป็นปีๆเชียวนะ 4.
ใส่น้ำยาซักผ้า เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ขั้นตอนต่อไป เมื่อเรานำเสื้อผ้าที่ต้องการจะซัก เข้าเครื่องปั่นเรียบร้อยแล้ว ภายในเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญของ WashXpress จะมีช่องสำหรับใส่น้ำยาซักผ้าโดยเฉพาะ หากใครไม่สะดวกนำน้ำยาซักผ้ามาจากบ้าน ทางร้านสะดวกซัก WashXpress ก็มีตู้น้ำยาซักผ้าหยอดเหรียญไว้ให้บริการ ราคาเพียง 10 บาท เท่านั้น ซึ่งน้ำยาซักผ้าของร้าน WashXpress เป็นน้ำยาซักผ้าสูตรเข้มข้นที่เหมาะสำหรับเครื่องซักผ้า ช่วยขจัดคราบสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย อันมีผลทำให้เกิดโรคทางผิวหนัง เสื้อผ้าจึงสะอาดได้ไร้กังวล 3. ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม เมื่อเราใส่น้ำยาซักผ้าลงในเครื่องปั่นแล้ว จากนั้นใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มตามไปได้เลย คุณสามารถซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่ม เพิ่มกลิ่นหอมๆให้ผ้า ได้จากตู้น้ำยาซักผ้าหยอดเหรียญเช่นกัน ในราคาเพียง 10 บาท โดยน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้น ช่วยให้เสื้อผ้าของเรามีกลิ่นหอมเหมือนฉีดน้ำหอมราคาแพง เนื้อผ้านุ่มขึ้น ใส่สบาย แถมยังช่วยให้เสื้อผ้าเรียบลื่น ไม่แห้งกร้าน ง่ายต่อการรีดผ้า และไม่ทำให้เนื้อผ้าขาดหลุดรุ่ยง่าย ช่วยให้เสื้อผ้าตัวโปรดของคุณ มีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน 4.
ใบเล็บครุฑประมาณ 10 กิ่ง 2. ใบอ้มประมาณ 10 ใบ 3. รากแฝกหอมประมาณ 5 - 10 ต้น 4. ต้นสาบแร้งสาบกาประมาณ 10 ต้น 5. เปราะหอมประมาณ 10 ต้น 6. ขมิ้นชัน 7. รากเครือหมาหลงประมาณ 3 รากขึ้นไป 8. เมล็ดสุกของตะครองประมาณ 20 เมล็ดขึ้นไป (ผ่าครึ่ง) 9. ดอกลำเจียกถ้ามีก็ใช้ ถ้าหาไม่ได้เพราะไม่ใช่ฤดูออกดอกก็ไม่ต้องใช้ วิธีการอบผ้า 1. นำส่วนผสมทั้งหมดไปสับให้มีขนาดประมาณ 1 ซ. ม. แล้วห่อใบตองนึ่งประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าส่วนผสมทุกอย่างจะสุก ขั้นตอนนี้มีเคล็ดลับคือ พยายามอย่าให้น้ำ (ไอน้ำ) เข้าในตัวสมุนไพรเด็ดขาด 2. นำสมุนไพรที่นึ่งสุกแล้วไปตากแดดให้แห้งสนิท แล้วนำไปตำหรือบดให้ละเอียด 3. สมุนไพรเครื่องหอมที่บดแห้งแล้ว เป็นส่วนที่สามารถเก็บในภาชนะปิดฝาสนิทแล้วเก็บได้นานนับปี เวลาจะใช้ ให้นำสมุนไพรเครื่องหอมบดแห้งนี้มาตำผสมกับสมุนไพรสด ใบเล็บครุฑ ใบอ้ม ต้นเปราะหอม ทั้งต้น ต้นสาบแร้งสาบกา และ ดอกลำเจียก ให้ละเอียด แล้วนำไปคลุกกับผ้าชุบน้ำที่ต้องการจะอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมอบผ้าไหมที่ย้อมด้วยมะเกลือ เนื่องจากกลิ่นจะติดทนนานกว่าผ้าที่ไม่ได้ย้อมมาก 4. เสร็จแล้วนำผ้าไปห่อใบตองนึ่งประมาณ 3 - 4 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ 5.
บอล วัน นี้, 2024 | Sitemap