ประโยคความซ้อน ประโยคความซ้อน คือ ประโยคที่มีใจความสำคัญเพียงใจความเดียว ประกอบด้วยประโยคความเดียวที่มีใจความสำคัญ เป็นประโยคหลัก (มุขยประโยค) และมีประโยคความเดียวที่มีใจความเป็นส่วนขยายส่วนใดส่วนหนึ่งของประโยคหลัก เป็นประโยคย่อยซ้อนอยู่ในประโยคหลัก (อนุประโยค) โดยทำหน้าที่แต่งหรือประกอบประโยคหลัก ประโยคความซ้อนนี้เดิม เรียกว่า สังกรประโยค อนุประโยคหรือประโยคย่อยมี 3 ชนิด ทำหน้าที่ต่างกัน ดังต่อไปนี้ 3. 1 ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่แทนนาม (นามานุประโยค) อาจใช้เป็นบทประธานหรือบทกรรม หรือส่วนเติมเต็มก็ได้ ประโยคย่อยนี้เป็นประโยคความเดียวซ้อนอยู่ในประโยคหลักไม่ต้องอาศัยบทเชื่อมหรือคำเชื่อม ตัวอย่างประโยคความซ้อนที่เป็นประโยคย่อยทำหน้าที่แทนนาม • คนทำดีย่อมได้รับผลดี คน... ย่อมได้รับผลดี: ประโยคหลัก คนทำดี: ประโยคย่อยทำหน้าที่เป็นบทประธาน • ครูดุนักเรียนไม่ทำการบ้าน ครูดุนักเรียน: ประโยคหลัก นักเรียนไม่ทำการบ้าน: ประโยคย่อยทำหน้าที่เป็นบทกรรม 3. 2 ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่เป็นบทขยายประธานหรือบทขยายกรรมหรือบทขยายส่วนเติมเต็ม (คุณานุประโยค) แล้วแต่กรณี มีประพันธสรรพนาม (ที่ ซึ่ง อัน ผู้) เชื่อมระหว่างประโยคหลักกับประโยคย่อย ตัวอย่างประโยคความซ้อนที่ประโยคย่อยทำหน้าที่เป็นบทขยาย • คนที่ประพฤติดีย่อยมีความเจริญในชีวิต ที่ประพฤติ ขยายประธาน คน - คน... ย่อมมีความเจริญในชีวิต: ประโยคหลัก - (คน) ประพฤติดี: ประโยคย่อย • ฉันอาศัยบ้านซึ่งอยู่บนภูเขา ซึ่งอยู่บนภูเขา ขยายกรรม บ้าน - ฉันอาศัยบ้าน: ประโยคหลัก - (บ้าน) อยู่บนภูเขา: ประโยคย่อย 3.
ถ้ายังไม่เข้าใจนักไปดูวิดิโออธิบายกันเลย...
ทำหน้าที่เป็นกรรมซึ่งมีลักษณะและความหมายเดียวกันกับกริยาที่อยู่ข้างหน้า (Cognate Object) เช่น Dr. Boonsanong died an accident death. ดร. บุญสนองตายเพราะอุบัติเหตุ Mali dreamt a good dream last night. เมื่อคืนนี้มะลิฝันดี She smiled a sweet smile. หล่อนยิ้มหวาน These boys laughed a merry laugh. เด็กเหล่านี้หัวเราะอย่างมีความสุข They ran a lively race. พวกเขาวิ่งแข่งกันอย่างสนุกสนาน Mary slept the sleep of the just. (คำว่า death, dream, smile, laugh, race, และ sleep ในประโยคเหล่านี้เป็นนาม คือ อาการนาม (Abstract Noun) แต่นำมาใช้ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยาที่มีลักษณะและความหมายเดียวกัน) 11. ทำหน้าที่เป็นประธานอิสระของกลุ่มคำที่เป็นส่วนของกริยาวิลี (Absolute Subject of Participial phrase) แล้วไปทำหน้าที่ขยาย Subject ในประโยค Main Clause อีกทีหนึ่ง เช่น Dinner being over, we all sat and talked. เมื่อ (ทาน) อาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว พรกเราทุกคนก็นั่งคุยกัน (Dinner เป็นประธานอิสระของกลุ่มคำ being over และ Dinner being over ไปขยาย we ในประโยค Main Clause) Uthai having been elected the chairman of the parliament, I am sure the meeting will have outstanding results.
จอห์นได้รอคอยแอนนานานแล้ว (teacher, girl-friend และ Anne เป็นนามมาทำหน้าที่เป็นกรรมของบุรพบท of, to, และ for ตามลำดับ) ข้อสังเกต: นามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมของบุรพบทใด ให้เรียงไว้หลังบุรพบทตัวนั้น 4. ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยาเพื่อขยายให้ประธานได้ความชัดเจนขึ้น (Subjective Complement) โดยส่วนมากนามที่นำมาใช้ตามข้อ 4 นี้ มักจะเรียกตามหลัง Verb to be, become, เช่น Siri is a student. Amnat becomes a doctor. ศิริเป็นนักศึกษา อำนาจเป็นนายแพทย์ She was a nurse two years ago. หล่อนเป็นนางพยาบาลเมื่อ 2 ปีก่อน (Student, doctor, และ Nurse เป็นนาม นำมาใช้ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา is, becomes, และ was ในประโยค) 5. ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายกรรม เพื่อให้กรรมตัวนั้นมีเนื้อความกระจ่างขึ้น (Objective Complement) หรือ อีกนัยหนึ่งจะเรียกว่า ทำหน้าที่เป็นทั้งกรรม (Object) และส่วนสมบูรณ์ (Complement) พร้อมกันทีเดียวก็ได้ เช่น We elected Mr. sombat leader. เราเลือกนายสมบัติเป็นหัวหน้า (หรือผู้นำ) His parents named him Henry. บิดามารดาของเขาตั้งชื่อเขาว่าเฮนรี่ Everyone called him a coward. ทุกๆ คนเรียกเขาว่าคนขี้ขลาด (Leader, Henry, และ Coward เป็นคำนาม แต่ในประโยคทั้ง 3 นี้นำมาใช้ทำหน้าที่เป็นตัวขยายกรรม (Object) ที่อยู่ข้างหน้ามันคือ Sombat, him, และ him) ข้อสังเกต: นามที่ไปทำหน้าที่ขยายกรรมใด ให้เรียงไว้หลังกรรมนั้นทุกครั้งไป 6.
คำสันธาน คือ คำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำกับคำ ประโยคกับประโยคข้อความกับข้อความ หรือ ความให้สละสลวย ได้แก่ คำ และ หรือ แต่ เพราะ ฯลฯ คำสันธานทำหน้าที่ได้ ๔ ลักษณะ ดังนี้ ๑. ใช้เชื่อมคำกับคำ เช่น ฉันและเธอชอบเรียนวิชาภาษาไทย, เธอชอบมะลิหรือกุหลาบ ๒. ใช้เชื่อมข้อความ เช่น คนเราต้องการอาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรคด้วยเหตุนี้ เราจึงจำเป็นต้องประกอบอาชีพเพื่อให้ได้เงินมาซื้อสิ่งจำเป็นเหล่านี้ ๓. ใช้เชื่อมประโยคกับประโยค เช่น แม่ชอบปลูกไม้ดอกแต่พ่อชอบปลูกไม้ประดับ, น้องไปโรงเรียนไม่ได้เพราะไม่สบาย ๔. เชื่อมความให้สละสลวย เช่น เขาก็เป็นคนจริงคนหนึ่งเหมือนกัน, คนเราก็ต้องมีผิดพลาดบ้างเป็นธรรมดา คำสันธานมี ๔ ชนิด คือ ๑. คำสันธานเชื่อมใจความที่คล้อยตามกัน ได้แก่ คำ กับ, และ, ทั้ง... และ, ทั้ง... ก็, ครั้น... จึง, พอ... ก็ ตัวอย่าง - พ่อและแม่รักฉันมาก - ฉันอ่านทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ - พอมาถึงบ้านฝนก็ตก ๒. คำสันธานเชื่อมใจความที่ขัดแย้งกัน ได้แก่ คำ แต่, แต่ทว่า, ถึง... ก็, กว่า... ก็ - น้องอ่านหนังสือแต่พี่ฟังเพลง - ถึงเขาจะปากร้ายแต่เขาก็ใจดี - กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้เสียแล้ว คำสันธานเชื่อมใจความที่ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ คำ หรือ, หรือไม่ก็, มิฉะนั้น, ไม่เช่นนั้น, ไม่... ก็ - เธอจะอ่านหนังสือหรือฟังเพลง - เราต้องขยันเรียนมิฉะนั้นจะสอบตก - นักเรียนต้องช่วยกันทำความสะอาดห้องเรียนหรือไม่ก็พัฒนาเขตรับผิดชอบ ๔.
บอล วัน นี้, 2024 | Sitemap